iPad Air
เปรียบเทียบ iPad Pro ชิป M4 และ iPad Air 6 ควรซื้อรุ่นไหน รุ่นไหนเหมาะกับเรา?
เปิดตัวไปแล้วกับ iPad Pro ชิป M4 และ iPad Air 6 ที่มาพร้อมกับการอัปสเปคหลายๆอย่างจนหลายคนอาจจะสงสัยว่าควรซื้อรุ่นไหน วันนี้เรามีคำตอบมาให้
By
เปิดตัวไปแล้วกับ iPad Pro ชิป M4 และ iPad Air 6 ที่มาพร้อมกับการอัปสเปคหลายๆอย่างจนหลายคนอาจจะสงสัยว่าควรซื้อรุ่นไหนดีและรุ่นไหนเหมาะกับเรากลัวซื้อมาแล้วใช้ไม่คุ้ม วันนี้เรามีคำตอบมาให้ครับ
iPad Pro ชิป M4 vs iPad Air 6
iPad Pro ชิป M4 ขนาด 13 นิ้ว | iPad Pro ชิป M4 ขนาด 11 นิ้ว | iPad Air 6 ขนาด 13 นิ้ว | iPad Air 6 ขนาด 11 นิ้ว | |
ชิป | M4 | M2 | ||
CPU | 9-คอร์ และ 10-คอร์ สำหรับรุ่น 1TB และ 2TB | 8-คอร์ | ||
GPU | 10-คอร์ | 9-คอร์ | ||
RAM | 8GB และ 16GB สำหรับรุ่น 1TB และ 2TB | 8GB | ||
หน้าจอ | จอภาพ Ultra Retina XDR (OLED 2 ชั้น) | จอภาพ Liquid Retina | ||
ความละเอียดหน้าจอ | 2752 x 2064 พิกเซล 264 ppi | 2420 x 1668 พิกเซล 264 ppi | 2732 x 2048 พิกเซล 264 ppi | 2360 x 1640 พิกเซล 264 ppi |
ความสว่างหน้าจอ | SDR: 1,000 นิต XDR: 1,000 นิต HDR ระดับสูงสุด: 1,600 นิต | 600 นิต | 500 นิต | |
กระจกผิวนาโน | เพิ่ม 4,000 บาทเฉพาะ 1TB และ 2TB | X | ||
กล้องหลัง | กล้องไวด์ 12MP (ƒ/1.8) | กล้องไวด์ 12MP (ƒ/1.8) | ||
กล้องหน้า | กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (ƒ/2.4) | กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP (ƒ/2.4) | ||
ลำโพง | ลำโพง 4 ตัว ไมโครโฟน 4 ตัว | ลำโพงสเตอริโอในแนวนอน ไมโครโฟน 2 ตัว | ||
ซิมการ์ด | eSIM เท่านั้น | eSIM เท่านั้น | ||
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 | Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 | ||
Apple Pencil | Apple Pencil Pro Apple Pencil (USB-C) | Apple Pencil Pro Apple Pencil (USB-C) | ||
ขนาด | กว้าง 215.5 มม. ยาว 281.6 มม หนา 5.1 มม. | กว้าง 177.5 มม. ยาว 249.7 มม หนา 5.3 มม. | กว้าง 214.9 มม. ยาว 280.6 มม หนา 6.1 มม. | กว้าง 178.5 มม. ยาว 247.6 มม หนา 6.1 มม. |
น้ำหนัก | รุ่น Wi-Fi 579 กรัม รุ่น Wi-Fi + Cellular 582 กรัม | รุ่น Wi-Fi 444 กรัม รุ่น Wi-Fi + Cellular 446 กรัม | รุ่น Wi-Fi 617 กรัม รุ่น Wi-Fi + Cellular 618 กรัม | รุ่น Wi-Fi 462 กรัม รุ่น Wi-Fi + Cellular 462 กรัม |
ความจุ | 256GB 512GB 1TB 2TB | 128GB 256GB 512GB 1TB | ||
แบตเตอรี่ | 38.99 วัตต์-ชั่วโมง ท่องเว็บผ่าน Wi‐Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง | 31.29 วัตต์-ชั่วโมง ท่องเว็บผ่าน Wi‐Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง | 36.59 วัตต์-ชั่วโมง ท่องเว็บผ่าน Wi‐Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง | 28.93 วัตต์-ชั่วโมง ท่องเว็บผ่าน Wi‐Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง |
สี | เงิน ดำสเปซแบล็ค | ฟ้า ม่วง สตาร์ไลท์ เทาสเปซเกรย์ | ||
ราคา | Wi-Fi เริ่มต้น 52,900 บาท Cellular เริ่มต้น 60,900 บาท | Wi-Fi เริ่มต้น 39,900 บาท Cellular เริ่มต้น 47,900 บาท | Wi-Fi เริ่มต้น 29,900 บาท Cellular เริ่มต้น 35,900 บาท | Wi-Fi เริ่มต้น 23,900 บาท Cellular เริ่มต้น 29,900 บาท |
ประสิทธิภาพ
เมื่อเทียบประสิทธิภาพแล้วแน่นอนว่าตัว iPad Pro ต้องได้เปรียบในเรื่องนี้เป็นธรรมดาเพราะมันมาพร้อมกับชิป M4 ใหม่ล่าสุดที่แม้แต่ Mac ก็ยังไม่ได้ใช้ โดย Apple เคลมว่ามันมีความแรงยิ่งกว่าชิป M2 ที่อยู่บน iPad Air 6 ถึง 1.5 เท่าและ GPU ของมันสามารถใช้ Render งานระดับโปรได้เร็วกว่าชิป M2 ถึง 4 เท่าเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเอาจริงๆชิป M2 ของ Apple มันก็แรงและดีมากแล้วจนคู่แข่งอื่นๆก็ตามไม่ทันโดยถ้าเราไม่ได้เอามาใช้งานระดับโปรขนาดนั้นตัว M2 ก็ยังถือว่าเหลือๆที่แม้ต่อให้เราเอามาใช้งานในระดับมันก็ยังใช้ได้ไม่ขี้เหร่อะไรแถมราคาของ iPad Air 6 ยังถูกกว่า iPad Pro มากพอสมควรเลยด้วย
หน้าจอแสดงผล
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลตัว iPad Pro มาพร้อมกับจอ Ultra Retina XDR ที่เป็นจอ OLED แบบซ้อนกัน 2 ชั้นทำให้สามารถได้สีดำที่ดำสนิทโดยมีความสว่างแบบ SDR และ XDR ที่ 1,000 นิตและความสว่างสูงสุดที่ 1,600 นิตสำหรับคอนเทนต์ HDR ซึ่ง Apple เคลมว่าหน้านี้เป็นหน้าจอที่ดีที่สุดในตลาด Tablet แล้ว
นอกจากนี้ตัว iPad Pro ขนาด 1TB และ 2TB ยังมีตัวเลือกการเคลือบหน้าจอด้วยกระจกนาโนเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อช่วยลดแสงสะท้อนทำให้สามารถเห็นคอนเทนต์ต่างๆบนหน้าจอขณะใช้งานกลางแดดได้มากขึ้น
ในส่วนของ iPad Air 6 นั้นมาพร้อมกับจอ Liquid Retina ที่เป็นแบบ LED ที่ทั้งสี ความสด และการใช้งานกลางแจ้งอาจจะสู้ iPad Pro ชิป M4 ไม่ได้แต่การใช้งานทั่วๆไปถือว่าทำได้ค่อนข้างโอเคเลย รวมถึงตัวมันยังมีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 264ppi เท่ากับตัว iPad Pro ด้วย
ขนาดและน้ำหนัก
สำหรับน้ำหนักน่าจะเป็นส่วนที่มันขัดกับชื่อมากที่สุดเนื่องจาก iPad Pro มาพร้อมกับความบางที่ 5.3มม. ในขนาด 11 นิ้วและ 5.1มม. ในขนาด 13 นิ้วและมีน้ำหนักเพียงแค่ 444 และ 579 กรัมตามลำดับ ซึ่งมันทั้งบางและเบากว่าตัว iPad Air ทั้งๆที่ชื่อ Air ควรจะเป็นสิ่งที่สื่อถึงความบาง เบา และพกพาง่าย
ด้วยเหตุผลดังกล่าวใครที่ต้องการ iPad ที่พกพาได้สะดวกและน้ำหนักเบาถือง่ายๆตัว iPad Pro ก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าแต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าพอสมควรและเราอาจจะใช้ชิป M4 ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพด้วย
อื่นๆ
iPad Pro มาพร้อมกับความมจุแบตเตอรี่ที่มากกว่า iPad Air แม้จะมีเครื่องที่บางกว่าแต่ Apple เคลมว่า iPad ทั้งหมดสามารถใช้ท่องเว็บผ่าน Wi‐Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมงเท่ากัน
นอกจากนี้ iPad Pro และ iPad Air ยังรองรับการใช้งาน Apple Pencil Pro เหมือนกันทั้งคู่ด้วยทำให้ทั้ง 2 สามารถใช้งานในการขีดเขียนหรือวาดรูปได้เหมือนๆกันเพียงแต่ iPad Pro จะมีหน้าจอที่ลื่นกว่าเนื่องจากรับรองรับ ProMotion Display 120Hz ในขณะที่ iPad Air มีอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 60Hz เท่านั้น
สุดท้ายสำหรับใครที่ต้องการจะซื้อ iPad Pro หรือ iPad Air ใหม่รุ่น Cellular ก็ข้อให้ตรวจดูดีๆเพิ่มเติมด้วยเนื่องจากทั้ง 2 จะรองรับการใช้งานแค่ eSIM เท่านั้นไม่สามารถใส่ซิมจริงๆได้แล้ว
สรุปควรซื้อรุ่นไหนดี
หากให้เราสรุปกันเลยว่าควรซื้อรุ่นไหนดีก็ขอกล่าวไว้แบบนี้ว่าหากคุณเป็นคนใช้งานทั่วๆไปเอาไว้ดูหนังฟังเพลงขีดๆเขียนๆอะไรนิดๆหน่อยๆตัว iPad Air ก็เพียงพอแล้วหรืออาจจะใช้คำว่าเกินพอเลยด้วยซ้ำ แต่หากคุณเป็นคนที่ใช้งานประสิทธิภาพจาก iPad เต็มที่จากแอปโปรต่างๆหรือมีเงินเหลือจริงๆตัว iPad Pro ก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดเนื่องจากจะได้ใช้เทคโนโลยีทั้งหมดที่ Apple อัดแน่นมาให้ใหม่นี้