iOS
Apple เผยฟีเจอร์การช่วยการเข้าถึงใหม่ที่จะมาบน iOS 18, ควบคุมอุปกรณ์โดยใช้ตาหรือแก้ปัญหาเมารถ
Apple ออกมาเผยฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยการเข้าถึงที่จะบน iOS 18 และ iPadOS 18 ก่อนงาน WWDC 2024 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 มิถุนายนนี้
By
Apple ออกมาเผยฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยการเข้าถึงหรือ Accessibility ที่จะบน iOS 18 และ iPadOS 18 ก่อนงาน WWDC 2024 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Eye Tracking ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้เลยโดยไม่ต้องสัมผัสหรือแก้ปัญหาเมารถขณะใช้อุปกรณ์
การติดตามดวงตา (Eye Tracking)
ฟีเจอร์การติดตามดวงตาที่จะมาบน iOS 18 และ iPadOS 18 เป็นฟีเจอร์ที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของดวงตาเพื่อใช้ในการควบคุม iPhone หรือ iPad ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่มีความบกพร่องทางร่างกายโดยเฉพาะ
ฟีเจอร์ดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้กับแอป iPhone และ iPad ทุกแอปโดยไม่ต้องมีฮาร์ดแวร์เสริมใดๆเพราะสามารถใช้ควบคุมคำสั่งเช่น เข้าแอป ปัด และอื่นๆได้เพียงใช้แค่ดวงตาอย่างเดียว
สำหรับวิธีการเปิดใช้งานนั้นเราจะต้องใช้กล้องหน้าในการตั้งค่าบน iPhone และ iPad เพื่อปรับเทียบก่อนซึ่งจะกินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นโดยสามารถทำได้แบบ On-device เลยโดยไม่ต้องผ่านอินเทอร์เน็ต
Music Haptics สั่น iPhone ตามจังหวะเพลง
ฟีเจอร์ Music Haptics เป็นฟีเจอร์ที่จะใช้ Taptic Engine บน iPhone ในการสั่นตามจังหวะเพลงเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินสามารถสนุกและมีส่วนร่วมไปกับเพลงได้ โดยเบื้องต้นจะรองรับเฉพาะบน Apple Music ก่อนและจะเปิด API ใหนักพัฒนานำไปใช้ในอนาคต
Vehicle Motion Cues ลดอาการเมารถ
ข่าวดีสำหรับคนที่นั่งรถแล้วชอบเล่น iPhone บ่อยๆ บน iOS 18 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ Vehicle Motion Cues ที่จะช่วยลดอาการเมารถขณะใช้งาน iPhone ได้
ปกติแล้วอาการเมารถมักเกิดจากความขัดแย้งทางประสาทสัมผัสระหว่างสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่รู้สึกทำให้ Apple ออกแบบฟีเจอร์ Vehicle Motion Cues ขึ้นมาที่จะปรากฎจุดบนจอและขยับไปในทิศทางเดียวกับที่รถกำลังเคลื่อนตัวอยู่เพื่อให้ประสาทสัมผัสสอดคล้องกันและลดอาการเมารถได้ในที่สุด
CarPlay รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
CarPlay บน iOS 18 จะรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อใช้งานเพื่อใช้ควบคุมแอปต่างๆได้จากปกติที่ต้องกดที่หน้าจอเองซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ รวมถึงยังรองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์สีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานที่ตาบอดสีสามารถใช้งาน CarPlay ได้อย่างสะดวกขึ้นด้วย
นอกจากนี้ Apple ยังได้เพิ่มฟีเจอร์การรับรู้เสียงแตรรถและเสียงไซเรนพร้อมแจ้งเตือนให้บนหน้าจอสำหรับผู้ที่อาจมีปัญหาทางการได้ยินด้วย
Vocal Shortcuts
Vocal Shortcuts เป็นฟีเจอร์สำหรับกำหนดคำสั่งเสียงพูดที่ Siri สามารถเข้าใจได้ในแบบของตัวเองสำหรับผู้ที่อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารที่ยังสามารถทำให้ Siri เข้าใจฟีเจอร์ที่เราต้องการจะสั่งงานได้อยู่
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Listen for Atypical Speech ที่สามารถจดจำและเข้าใจลักษณะการพูดของผู้ใช้งานที่มีปัญหาทางด้านสมองพิการ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) หรือโรคหลอดเลือดสมอง อีกด้วย
อื่นๆ
- VoiceOver จะมาพร้อมเสียงใหม่ๆปรับ Voice Rotor หรือตัวหมุนเสียงพูดที่ยืดหยุ่น การควบคุมระดับเสียงแบบกำหนดเอง และความสามารถในการปรับแต่งคำสั่งลัดคีย์บอร์ด VoiceOver บน Mac
- แว่นขยาย จะนำเสนอโหมดตัวอ่านใหม่และตัวเลือกในการเปิดโหมดการตรวจจับได้ด้วยปุ่มแอ็คชั่น
- การป้อนอักษรเบรลล์บนหน้าจอ จะสามารถควบคุมและแก้ไขข้อความที่รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้การป้อนอักษรเบรลล์บนหน้าจอยังรองรับภาษาญี่ปุ่น การป้อนอักษรเบรลล์แบบหลายบรรทัดด้วย Dot Pad และตัวเลือกในการเลือกตารางอินพุตและเอาต์พุตที่แตกต่างกันอีกด้วย
- Hover Typing จะแสดงตัวอักษรที่ใหญ่ขึ้นเมื่อพิมพ์ในช่องข้อความสำหรับผู้ใช้ที่มองเห็นไม่ชัด
- เสียงพูดสด จะมาพร้อมหมวดหมู่ต่างๆ และรองรับการแสดงควบคู่ไปกับ คำบรรยายสด
- การควบคุมสวิตช์ จะมีตัวเลือกในการใช้กล้องบน iPhone และ iPad เพื่อจดจำการใช้คำสั่งนิ้วในท่าทางต่างๆ แทนสวิตช์
- การควบคุมด้วยเสียง จะรองรับคำศัพท์แบบกำหนดเองและคำที่ซับซ้อน
ฟีเจอร์การช่วยการเข้าถึงเหล่านี้จะพร้อมให้ใช้งานบน iOS 18 และ iPadOS 18 ที่จะเปิดตัวในงาน WWDC 2024 ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้และปล่อยให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ใช้กันในช่วงเดือนกันยายน