iPhone
ทำไม iPhone ถึงไม่เปลี่ยนไปใช้ USB-C?
ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้เริ่มหันมาใช้ USB-C กันหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือโน๊ตบุ๊คที่เราใช้กันอยู่แต่ทำไม iPhone ของ Apple ถึงยังใช้ Lightning อยู่ทั้งๆที่ Mac และ iPad ก็ได้ปลี่ยนมาใช้ USB-C กันแล้ว
By
ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้เริ่มหันมาใช้ USB-C กันหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือโน๊ตบุ๊คที่เราใช้กันอยู่แต่ทำไม iPhone ของ Apple ถึงยังใช้ Lightning อยู่ทั้งๆที่ Mac และ iPad ก็ได้ปลี่ยนมาใช้ USB-C กันแล้ว
แน่นอนว่า Apple ก็รู้ถึงศักยาภาพของ USB-C ดี รวมถึงได้มีการส่งวิศวกรเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนา USB-C ที่จะช่วยกันกำหนดมาตรฐานของมันด้วย, และที่จริงแล้ว Apple ก็เป็นบริษัทแรกๆด้วยซ้ำที่เปิดอุปกรณ์ของตัวเองที่มาพร้อมกับ USB-C อย่าง MacBook ในปี 2015
แล้วทำไม iPhone ถึงยังใช้ Lightning อยู่ล่ะ ทั้งๆที่แม้แต่ iPad ก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว โดยในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ให้ฟังกัน
ทำไม Apple ถึงเลือก Lightning แทนที่จะเป็น USB-C
ในปี 2010 ซึ่งเป็นปีที่ Apple เปิดตัว iPhone 4 นั้น, Apple ก็ได้มีการวางแผนแล้วว่า iPhone 5 ที่จะเปิดตัวในปี 2012 นั้นจะต้องบางและมีน้ำหนักที่เบาลง ซึ่งนั้นหมายความว่าพอร์ตชาร์จแบบ 30-pin ที่ใช้ตลอดมาจำเป็นจะต้องถูกนำออกไปและเปลี่ยนเป็นสิ่งใหม่แทน
โดยในขณะนั้นหลายๆบริษัทรวมถึง Apple ได้มีการส่งวิศวกรเข้าร่วมประชุมและทำงานร่วมกันเพื่อที่จะทำในสิ่งที่กำลังจะเป็น USB-C ในปัจจุบัน ซึ่งมันเป็นมาตรฐานแบบเปิดจึงใช้ระยะเวลานานมากกว่าที่จะได้ข้อสรุปของมาตรฐานนี้ร่วมกัน และด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้ Apple รอไม่ไหวจึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเอง
Apple จึงยืมหลักการบางหลักการของ USB-C มาใช้ เช่นการทำให้หัวชาร์จเล็กลงและการทำให้หัวชาร์จสามารถชาร์จด้านไหนก็ได้ รวมถึงยังเลือกที่จะตั้งให้สอดคล้องกับพอร์ต Thunderbolt บน Mac จึงได้กลายมาเป็นชื่อ Lightning ตามที่เราใช้กันอยู่นี่เอง
ในที่สุดเดือนกันยายนปี 2012 Apple ก็ได้เปิดตัว iPhone 5 ที่มาพร้อมกับหัวชาร์จแบบ Lightning ซึ่งในขณะนั้น USB-C ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องมาตรฐานเลยด้วยซ้ำ โดยกว่าจะตกลงกันได้ก็ปาเข้าไปในเดือนสิงหาคมปี 2014 เข้าไปแล้ว ซึ่ง Apple ก็ได้ขาย iPhone ที่มาพร้อมกับ Lightning ไปก่อนกว่า 2 ปีแล้ว
แล้วทำไม Apple ถึงไม่เปลี่ยนเป็น USB-C เมื่อมันพร้อม?
ในปี 2012 ที่ Apple เปลี่ยนมาใช้หัวชาร์จ Lightning บน iPhone 5 นั้น มันก็เกิดปัญหากับผู้ใช้งานที่มีอุปกรณ์เสริมมากมายสำหรับ iPhone, เนื่องจากการเปลี่ยนพอร์ตจาก 30-pin เป็น Lightning นั้น ทำให้อุปกรณ์เสริมเก่าๆที่มีอยู่นั้นใช้ไม่ได้เลยกับ Lightning รวมถึง Apple ก็ไม่ได้แถมหัวแปลงมาให้ด้วย
และในตอนนั้นเมื่อเทียบ USB-C กับ Lightning แล้วนั้น มันมีข้อดีที่ไม่ได้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดนอกจากว่า USB-C เป็นมาตรฐานกลาง แต่นั่นมันก็ต้องแลกมาด้วยการที่ Apple ไม่สามารถควบคุมคุณภาพของอุปกรณ์ได้เหมือนอย่าง Lightning ซึ่งเราจะเห็นได้จากในช่วงแรกของ USB-C นั้น มีของไม่ดีราคาถูกออกมาเต็มไปหมด
ซึ่งถ้า Apple เลือกที่จะเปลี่ยนจาก Lightning มาเป็น USB-C หลักจากที่ใช้งานมาได้เพียงแค่ 3 ปี โดยที่มันไม่ได้มีข้อดีที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดนั้น จะทำให้เกิดปัญหากับผู้ใช้งานที่ต้องการจะซื้อ iPhone เครื่องใหม่แต่มีอุปกรณ์เสริมมากมายสำหรับ Lightning เหมือนตอนที่เปลี่ยนจาก 30-pin มาเป็น Lightning นั่นเอง
แต่ทำไมถึงใช้มันกับ iPad ล่ะ?
Apple เปิดตัว iPad Pro รุ่นแรกในเดือนกันยายนปี 2015 โดยที่มันยังมาพร้อมกับพอร์ต Lightning และ Apple ได้เปลี่ยนมาใช้ USB-C กับ iPad Pro ในปี 2018 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมดีไซน์ iPad Pro ใหม่
ในส่วนของเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะว่า Apple ต้องการที่จะโฆษณา iPad Pro ว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่จะมาแทนที่โน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆที่เราใช้กันอยู่ โดยมันมาพร้อมกับ iPadOS ใหม่, มีระบบการเข้าถึงไฟล์ต่างๆ และรองรับการใช้งาน Trackpad ซึ่งทั้งหมดมันเป็นพื้นฐานของโน๊ตบุ๊คที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่ง Apple ต้องการให้ iPad Pro สามารถใช้งานให้เหมือนโน๊ตบุ๊คให้ได้มากที่สุด โดยการที่ใช้ USB-C แทน Lightning นั้นจะทำให้ iPad Pro สามารถรองรับอุปกรณ์เสริมในตลาดได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดดิสก์, กล้อง และการต่อจอนอก เนื่องจากมันเป็นมาตรฐานเปิดนั่นเอง
Apple ได้ค่าลิขสิทธิ์จาก Lightning
แน่นอนว่าการที่ Lightning เป็นของ Apple เองแล้วนั้น ย่อมทำให้ผู้ผลิตเจ้าไหนที่อยากจะผลิตอุปกรณ์เสริมเพื่อมาใช้งานกับ Lightning นั้นจำเป็นจะต้องได้รับการอนุญาตจาก Apple ก่อน (ถึงแม้จะยังมีของปลอมอยู่ก็ตาม)
Apple จะมีการเก็บค่าลิขสิทธิ์จากการออกใบอนุญาตให้กับผู้ผลิตนั้นๆก่อนที่จะสามารถผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับ Lightning ได้ โดยถึงแม้ว่าค่าลิขสิทธิ์นี้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากเมื่อเทียบกับกำไรที่ Apple ทำได้แต่ละไตรมาส แต่มันกลับให้สิ่งที่ Apple สนใจมากกว่าเงินนั่นก็คือการควบคุมคณภาพ
iPhone ไร้พอร์ต
ในซีรี่ส์ iPhone 12 นั้นมันมาพร้อมกับ MagSafe ที่เป็นระบบการชาร์จแบบแม่เหล็กที่ยึดติดที่หลังเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนเสริมเข้ามาจากการชาร์จแบบเดิม
โดยเจ้า MagSafe นี้เป็นเหมือนการบอกเป็นนัยๆว่า iPhone ในอนาคตของ Apple นั้น น่าจะเป็นแบบไร้พอร์ตการชาร์จแบบสิ้งเชิงแล้วเปลี่ยนมาเป็นการชาร์จแบบ MagSafe แทน
ในเมื่อ Apple วางแผนที่จะให้ iPhone ในอนาคตเป็นแบบไร้พอร์ตแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ iPhone จะเปลี่ยนมาใช้ USB-C ไม่ว่ามันจะดีกว่า Lightning แค่ไหน เพราะอีกเพียงไม่กี่ปี Apple ก็ต้องโละพอร์ตต่างๆออกอยู่ดี
และนี่เป็นเพียงการวิเคราะห์จากพวกเราว่าเพราะเหตุใด Apple จึงยังเลือกใช้ Lightning อยู่ เพื่อนๆทุกคนมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ก็สามารถบอกกล่าวกันเข้ามาได้ครับ