iPad Pro
เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่มาพร้อมกับชิป M1, รอบรับ 5G และจอ mini-LED สำหรับรุ่น 12.9 นิ้ว
iPad Pro รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับชิป M1, รองรับ 5G, ความจุสูงสุด 2TB, แรมสูงสุด 16GB และหน้าจอแบบ Mini-LED ในรุ่น 12.9 นิ้ว
By
ไฮไลท์ของงานอีเว้นท์เมื่อคืนนี้นอกจาก iMac แล้วก็เป็นเจ้า iPad Pro ที่แหละ ซึ่ง iPad Pro รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับชิป M1, รองรับ 5G, ความจุสูงสุด 2TB, แรมสูงสุด 16GB และหน้าจอแบบ mini-LED ในรุ่น 12.9 นิ้ว
Apple เปิดตัว iPad Pro ด้วยกัน 2 ขนาดคือ 11 และ 12.9 นิ้ว โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับชิป M1 แบบเดียวกับที่ถูกใช้งานบน iMac รุ่นใหม่ จึงทำให้ iPad Pro มีประสิทธิภาพแบบก้าวกระโดด (แต่น่าจะโดนฉุดโดย iPadOS)
นอกจากนี้ iPad Pro ทั้ง 2 ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าแบบอัลตร้าไวด์ พอร์ต USB-C แบบ Thunderbolt ที่จะช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมระดับโปรได้
ในส่วนของรุ่นขนาดหน้าจอ 12.9 นิ้วนั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีจอภาพแบบ mini-LED ทำให้มีความสว่างสูงสุดที่ 1,000 nits และสามารถดันไปได้ถึง 1,600 nits ในบางกรณี
ประสิทธิภาพ
iPad Pro รุ่นใหม่นั้นใช้ชิปประมวลผล M1 ที่ใช้ใน MacBook Pro, MacBook Air, Mac mini และกับ iMac รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงานเดียวกัน ซึ่งมันมี CPU แบบ 8-core ที่เร็วกว่า A12Z ถึง 50% และ GPU แบบ 8-core ที่เร็วขึ้น 40%
นอกจากนี้ iPad Pro ยังมีความจุใหม่เพิ่มเข้ามาที่ 2TB และให้แรมสูงสุดที่ 16GB โดยจะมีเพียงแค่รุ่น 1 และ 2TB เท่านั้นที่ได้แรม 16GB ส่วนที่เหลือจะได้เพียงแค่ 8GB เท่านั้น
จอแสดงผล
ในรุ่น 11 นิ้วนั้นจะยังใช้หน้าจอแสดงผลแบบ LED ธรรมดา โดยจะมีความสว่างสูงสุดที่ 600 nits ซึ่งแทบจะไม่มีความแตกต่างกับรุ่นปี 2020 เลย
สำหรับรุ่น 12.9 นิ้วนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจอภาพแบบชัดเจน โดยเป็นการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ mini-LED ซึ่งมี LED กว่า 10,000 ดวงอยู่ด้านหลังหน้าจอเพื่อที่จะให้ความสว่างได้สูงสุดถึง 1,000 nits และ 1,600 nits ในบางกรณี นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงถึง 1,000,000:1 เลยทีเดียว
ไม่เพียงแค่นั้น iPad Pro 12.9 นิ้วยังคงยกเทคโนโลยีมาเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ ProMotion ที่รองรับอัตรารีเฟรชเรตที่ 120Hz, รองรับเทคโนโลยี True Tone และสามารถแสดงผลคอนเทนต์ระดับ HDR และ Dolby Vision ได้มีมากยิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อ
iPad Pro รุ่นใหม่รองรับการเชื่อมต่อ 5G โดยมันจะช่วยให้เราได้รับประสบการณ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้นในขณะที่เราไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่งมันเหมาะแก่การสตรีมวีดีโอที่มีความละเอียดสูงๆได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ iPad Pro ยังมารองรับ Thunderbolt และ USB-4, จึงทำให้พอร์ต USB-C บน iPad Pro นั้น มีแบนด์วิดท์ในการเชื่อมต่อแบบมีสายมากกว่า iPad Pro รุ่นก่อนถึง 40Gbps และยังทำให้รองรับความเร็วแบบเสียบสายแลนได้สูงสุดถึง 10Gbps เลยทีเดียว
นั่นทำให้ในตอนนี้ iPad Pro สามารถเชื่อมต่อหน้าจอที่มีความละเอียดสูงถึง 6K อย่าง Pro Display XDR ได้แบบเต็มความสามารถแล้วเนื่องจากประสิทธิภาพของพอร์ตแบบ Thunderbolt นั่นเอง
กล้องหน้าใหม่
iPad Pro รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับหน้าจอแบบอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ซึ่งมันมาพร้อมกับฟีเจอร์ “จัดให้อยู่ตรงกลาง” โดยมันเป็นการใช้ประโยชน์จากกล้องหน้าที่ให้มุมมองที่กว้างกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังใช้คุณสมบัติจากชิป M1 เพื่อช่วยจดจำและให้ผู้ใช้งานอยู่ตรงการเฟรมเสมอ โดยตัวกล้องจะแพนตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องขยับ iPad Pro เลย
และถ้ามีคนอื่นเข้ามาในเฟรมด้วย ตัว iPad Pro ก็จะทำการซูมออกเพื่อจัดให้ทุกคนอยู่ในเฟรมและรู้สึกได้ว่าเปลี่ยนส่วนหนึ่งของวีดีโอนั่นๆ
ราคาและวันวางจำหน่าย
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว Wi-Fi เริ่มต้นที่ 27,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ 32,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว Wi-Fi เริ่มต้นที่ 37,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ 42,900 บาท
โดย Apple จะเปิดให้สั่งซื้อในวันที่ 30 เมษายนนี้ และจะเปิดวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป