iPad mini
เปิดตัว iPad mini 6 ดีไซน์ใหม่, จอใหญ่ขึ้น, ชิป A15,รองรับ 5G และเริ่มต้นที่ 17,900 บาทเท่านั้น
iPad mini 6 มาแล้ว!! ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด, ขอบจอเล็กลง, ชิป A15, USB-C, รองรับ 5G และเริ่มต้นเพียง 17,900 บาทเท่านั้น
By
มาแล้วสำหรับ iPad mini 6 จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่ามันจะเลื่อนการเปิดตัวไป โดยในรอบนี้มันได้รับการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่ทั้งหมดคล้าย iPad Air 4 ที่มีขอบจอเล็กลง, ชิป A15, USB-C, รองรับ 5G และเริ่มต้นเพียง 17,900 บาทเท่านั้น
ดีไซน์และจอแสดงผล
iPad mini 6 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดให้มีดีไซน์ที่คล้ายรุ่นพี่อย่าง iPad Air 4 และ iPad Pro โดยมันมาพร้อมจอแบบ Liquid Retina ที่ขนาด 8.3 นิ้ว
มีการย้ายตำแหน่ง Touch ID จากปุ่มโฮมในรุ่นเก่าไปไว้ที่ปุ่มเพาเวอร์เหมือนกับ iPad Air 4, ยังไม่ได้มาพร้อมกับ Face ID เหมือน iPad Pro รวมถึงยังย้ายตำแหน่งเพิ่มเสียลดเสียงไปไว้ด้านบนและมาพร้อมกับลำโพงเสตอริโอที่สามารถแยกเสียงซ้ายขวาขณะรับชมวีดีโอที่รองรับได้แล้วอีกด้วย
หน้าจอ Liquid Retina บน iPad mini 6 สามารถทำความสว่างสูงสุดได้ที่ 500 นิต, เคลือบสารกันแสงสะท้อน และรองรับการแสดงผลแบบ True tone อย่างไรก็ตาม iPad mini 6 นี้ไม่ได้มาพร้อมกับจอ ProMotion 120Hz เหมือน iPad Pro และ iPhone 13 Pro ที่เปิดตัวไปในงานเดียวกัน
กล้อง
iPad mini 6 ได้รับการปรับปรุงทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วยเช่นกัน โดยในตอนนี้กล้องหลังของ iPad mini ก็ได้นูนเหมือนรุ่นพี่ iPad Air 4 และ iPad Pro แล้ว
โดยกล้องหลังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP พร้อมรูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็น ƒ/1.8 เพื่อให้สามารถบันทึกภาพและวีดีโอที่คมชัดและสีสันสดใสขึ้นได้ รวมถึงมันยังมาพร้อมกับแฟลชแบบ True tone ที่จะช่วยให้ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นด้วย
แต่ไฮไลน์สำคัญของกล้องบน iPad mini 6 จะอยู่ที่กล้องหน้าเสียมากกว่า โดยมันได้รับการอัปเกรดใหม่เป็นเซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP เช่นกันแต่เป็นแบบอัลตร้าไวด์ที่มีมุมกว้างถึง 122 องศา
และเพราะกล้องหน้าเป็นอัลตร้าไวด์มันจึงมาพร้อมกับฟีเจอร์ Center Stage (จัดให้อยู่ตรงกลาง) เหมือน iPad Pro ที่เป็นการจัดให้เราอยู่ตรงกลางเฟรมตลอดเวลาในขณะที่กำลังวีดีโอคอลกับคนอื่นอยู่
ชิปประมวลผลและการเชื่อมต่อ
iPad mini 6 จะมาพร้อมกับชิป A15 Bionic ที่มี CPU จำนวน 6 core และ GPU จำนวน 5 core ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยู่บน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max โดยมันมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบกับ iPad mini 5
ในส่วนของการเชื่อมต่อนั้น iPad mini 6 จะเป็น iPad mini รุ่นแรกที่รองรับ 5G และมาพร้อมกับ USB-C แทนที่ของ Lightning ด้วย
ซึ่งนั่นหมายความว่า iPad ของ Apple ทุกรุ่นถูกเปลี่ยนถ่ายมาเป็น USB-C หมดแล้วจะเหลือก็แต่รุ่นเริ่มต้นที่อาจจะคง Lightning เอาไว้เพราะมันเป็นรุ่นราคาถูก
Apple Pencil
และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ iPad ในยุคปัจจุบันคือ Apple Pencil, โดย iPad mini 6 เปลี่ยนมารองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 แล้วและสามารถแปะมันไว้ที่ข้างตัวเครื่องเพื่อชาร์จได้เหมือนกัน iPad Pro และ iPad Air 4
และเพราะ Apple Pencil ที่สามารถแปะไว้กับด้านข้างของตัวเครื่องนี่แหละที่เป็นเหตุผลว่าเพราะทำไมถึงต้องย้านปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงไปไว้ด้านบนแทน
ราคาและความจุ
iPad mini 6 จะมีให้เลือกทั้งแบบ Cellular และ Wi-Fi เหมือนเดิม โดยมันจะมีราคาดังนี้
- รุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB ราคา 17,900 บาท
- รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 23,400 บาท
- รุ่น Wi-Fi ความจุ 256GB ราคา 23,400 บาท
- รุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 28,900 บาท
โดย iPad mini 6 จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์ สีชมพู สีม่วง และสีสตาร์ไลท์