
iPad Pro
ไม่ได้ดีอย่างที่คิด! พบปัญหาแสงฟุ้งในหน้าจอ Liquid Retina XDR บน iPad Pro 12.9 นิ้ว
ในขณะที่มีผู้ใช้งาน iPad Pro 12.9 นิ้วได้รับของกันแล้ว ก็ได้มีผู้ใช้งานหลายๆคนรายงานออกมาว่ายังพบปัญหาแสงฟุ้งอยู่ถึงแม้ว่า Apple จะเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ Liquid Retina XDR ที่ใช้เทคโนโลยี mini-LED แล้วก็ตาม
By
ในขณะที่มีผู้ใช้งาน iPad Pro 12.9 นิ้วได้รับของกันแล้ว ก็ได้มีผู้ใช้งานหลายๆคนรายงานออกมาว่ายังพบปัญหาแสงฟุ้งอยู่ถึงแม้ว่า Apple จะเปลี่ยนมาใช้หน้าจอ Liquid Retina XDR ที่ใช้เทคโนโลยี mini-LED แล้วก็ตาม
Apple ระบุในเอกสารสนับสนุนว่าหน้าจอ Liquid Retina XDR นี้เป็นการแก้ไขจุดบกพร่องของระบบหรี่แสงโดยทั่วไปที่มักทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของแสงเล็กน้อยเมื่อความสว่างของ LED มีระดับสูงมากๆ โดยมันมีโซนหรี่แสงเฉพาะกว่า 2,500 โซน จึงช่วยให้แสดงสีดำได้ดำสนิทในพื้นที่ที่ไม่ต้องแสดงผล
What can happen when you have 2,500 dimming zones. This is noticeable when you use iPad Pro 2021 in total darkness.
— Parka (@ParkaBlogs) May 21, 2021
iPad Pro 2018 has less distracting blooming because the bloom covers a large area. And there's IPS glow.
More on this tomorrow https://t.co/yGqFwdeJwz pic.twitter.com/7q82vAvc5d
แต่อย่างไรก็ตามในการใช้งานจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น โดยมีผู้ใช้งาน iPad Pro 12.9 นิ้วหลายๆคนออกมาเผยว่าตัวพวกเขานั้นยังคงพบกับการฟุ้งของแสงอยู่ โดยเฉพาะตอนใช้งานในที่ที่มีแสงน้อย
Here’s my experience with the blooming on the M1 #iPadPro so far. It’s very noticeable in dark room with UI elements on top of a black background, but that’s the only scenario where I really notice it. It’s expected with this display tech but still jarring coming from OLED. pic.twitter.com/8tG1euFzqn
— Josh Teder (@JoshTeder) May 22, 2021
ไม่เพียงเท่านี้ผู้ใช้งานยังรายงานอีกว่าจะเห็นปัญหาของแสงฟุ้งได้ชัดมากยิ่งขึ้นหากกำลังรับชมเนื้อหาแบบ HDR อยู่
ในขณะที่เทียบกับหน้าจอแบบ OLED บน iPhone 12 กลับไม่พบกับปัญหานี้ โดยเป็นเพราะว่าหน้าจอแบบ OLED นั้นมีไดโอดที่เปล่งแสงได้ด้วยตัวเองในแต่ละพิกเซล จึงทำให้พิกเซลไหนไม่แสดงผลก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยแสงออกมาจึงไม่เกิดอาการแสงฟุ้งนั่นเอง
แม้ว่าความสามารถในการแสดงผลของ mini-LED ยังเป็นรอง OLED อยู่ แต่ข้อดีของมันก็คืออายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าโดยไม่เกินอาการจอเบิร์นเสียก่อน
สุดท้ายนี้ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าในอนาคต Apple จะแก้ปัญหานี้อย่างไรต่อไป
ที่มา – MacRumors
