Connect with us

Apple Pencil

ปากกา iPad ไหนดี? แนะนำปากกา iPad เป็นทางเลือกเพิ่มเติมนอกจาก Apple Pencil

แนะนำปากกา iPad เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับคนที่คิดว่าหากซื้อ Apple Pencil มาแล้วจะรู้สึกไม่คุ้มกับการใช้งานของเราแน่ๆไม่ว่าจะแค่เซ็นเอกสารหรือจดเลคเชอร์เล็กๆน้อยๆเท่านั้น

หากพูดถึงแท็บเล็ตแล้วหลายๆคนคงจะนึกถึง iPad เป็นอันดับต้นๆแน่ๆและแน่นอนการจะใช้งาน iPad ให้เต็มประสิทธิภาพนั้นก็คงขาดไปไม่ได้เลยกับ Apple Pencil แต่เชื่อว่าเมื่อหลายๆคนเห็นราคาของมันแล้วคงจะต้องคิดหนักหรือรู้สึกไม่คุ้มกับการใช้งานของเราแน่ๆไม่ว่าจะแค่เซ็นเอกสารหรือจดเลคเชอร์เล็กๆน้อยๆเท่านั้น

ในวันนี้เราจึงขอมาแนะนำปากกาสำหรับ iPad ที่มีราคาถูกลงแต่ใช้งานได้ไม่แพ้กับ Apple Pencil แน่นอน

ปากกาทางเลือกสำหรับ iPad

1. SWITCHEASY EASYPENCIL PRO 3 (1,090 บาท)

SWITCHEASY EASYPENCIL PRO 3 มีดีไซน์ที่คล้ายกับ Apple Pencil 2 และมาพร้อมกับแม่เหล็กที่สามารถแปะติดกับ iPad ที่รองรับ Apple Pencil 2 ได้อีกด้วยแต่อย่างไรก็ตามมันก็สามารถใช้งานได้กับ iPad ได้แทบทุกรุ่นเช่นกัน

โดยข้อดีของมันคือไม่จำเป็นต้องต่อบลูทูธเลยเพียงแค่หยิบมันขึ้นมาและเปิดใช้งานที่ปลายด้ามเพียงเท่านี้มันก็พร้อมที่จะเขียนในทันที นอกจากนี้แล้วมันยังรองรับการเอียงปากกาเพื่อแรเงาหรือมีฟีเจอร์ Palm rejection ทำให้เราสามารถวางมือลงบนหน้าจอ iPad ได้โดยที่ไม่เป็นการสัมผัสหน้าจออีกด้วย

อย่างไรก็ตามข้อแตกต่างของมันก็คือมันจำเป็นจะต้องชาร์จผ่านสาย USB-C เท่านั้นต่างจาก Apple Pencil 2 ที่ชาร์จระหว่างแปะเครื่องไปเลยได้

2. ZAGG Pro Stylus (2,490 บาท)

ZAGG Pro Stylus มาพร้อมดีไซน์และสีที่เป็นเอกลักษณ์แต่ยังคงความสามารถของ Apple Pencil ไว้แบบครบไม่ว่าจะเป็นการเอียงปากกาเพื่อแรเงาหรือฟีเจอร์ Palm rejection รวมถึงยังมาพร้อมกับแม่เหล็กทำให้สามารถแปะไว้กับตัวเครื่องที่รองรับการใช้งาน Apple Pencil 2 อีกด้วย

สำหรับวิธีการชาร์จนั้นจะใช้การชาร์จผ่าน USB-C เช่นกัน โดยการชาร์จ 1 ครั้งสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเรียกได้ว่าใช้ได้ตลอดวันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ตัว ZAGG Pro Stylus ยังมาพร้อมกับลูกเล่นที่ปลายด้ามเป็นหัวแบบยางเพื่อใช้งานเป็นปากกาให้ iPhone ได้อีกด้วย

3. Adonit Note-M (2,500 บาท)

Adonit Note-M ปากกาสำหรับ iPad ที่มีความแตกต่างมากที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะนอกจากมันจะสามารถใช้งานได้ปกติเหมือนกับ Apple Pencil แล้วมันยังทำหน้าที่เป็น Mouse ได้อีกด้วย

โดยปลายด้านของ Adonit Note-M นั้นจะเป็นปลายแบบตัดเฉียงซึ่งเราสามารถใช้มันลากบนพื้นผิวใดๆก็ได้เพื่อใช้งานเป็น Mouse สำหรับ iPad เรียกได้ว่าซื้อ 1 ได้ถึง 2 เองทีเดียว

อย่างไรก็ตามข้อเสียของมันก็คือมันไม่มีแม่เหล็กมาให้บนปากกาเราจึงไม่สามารถแปะติดกับตัวเครื่องเหมือนอย่าง Apple Pencil 2 ได้

4. Logitech Crayon (2,490 บาท)

สำหรับปากกา Logitech Crayon เรียกได้ว่าเป็นปากกาที่ Apple แนะนำเองเลยมากกว่าหากไม่ต้องการที่จะซื้อ Apple Pencil, โดยตัว Logitech Crayon นั้นแชร์เทคโนโลยีเดียวกันกับ Apple Pencil จะแตกกันก็แค่มันไม่มีระบบเอียงเพื่อแรเงาเท่านั้นแต่ยังสามารถเอียงปากกาเพื่อให้เส้นหนาขึ้นได้เหมือนเดิม

สำหรับข้อเสียของมันนั้นดูจะมีแค่ขนาดที่ใหญ่และสีที่ดูจัดจ้านของมันจึงอาจจะทำให้มันดูเหมาะกับเด็กมากกว่ารวมถึงมันยังใช้วิธีการชาร์จด้วย Lightning อยู่อีกด้วยแม้ว่าในปัจจุบัน iPad จะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ USB-C กันหมดแล้ว

5. Adonot Pro 4 (1,290 บาท)

Adonot Pro 4 เป็นปากกา iPad ทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความหรูหราและดูเป็นมืออาชีพ โดยมันมาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบหรูพร้อมกับตะขอเกี่ยวเพื่อให้ทุกคนสามารถพกแนบกับกระเป๋าเสื้อได้ด้วย

สำหรับการขีดเขียนก็ไม่เป็นรองเช่นกัน โดยมันมาพร้อมกับหัวปากกาแบบเรียวเล็กพร้อมถาดแบนที่มีลักษณะเป็นชิ้นเดียวกันจึงช่วยให้ทุกการใช้งานนั้นแม่นยำมากๆเมื่อเทียบกับปากกาตัวอื่นๆ

นอกจากนี้ตัว Adonot Pro 4 ยังมีผิวสัมผัสแบบโลหะอีกด้วยทำให้มันเป็นเหมือนการใช้งานปากกาหมึกซึมในโลกของดิจิทัลเลยทีเดียว

และนี้คือปากกาทางเลือกสำหรับคนไม่ต้องการซื้อ Apple Pencil ที่เราอยากแนะนำทั้งหมด โดยจะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วยังมีปากกาที่ดีกว่าหรือเทียบเท่ากับ Apple Pencil จากแบรนด์อื่นๆให้เลือกอีกมากในราคาที่เป็นมิตรกว่า ซึ่งใครคิดว่าปากกาตัวไหนดูตอบโจทย์เรามากกว่ากันก็สามารถหาซื้อกันได้เลยครับ

Click to comment
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
To Top