
Apple
ปรัชญาการออกแบบของ Apple: สมบูรณ์แบบ เชื่อมั่น กำไร
อย่างไรก็ตามแม้ในช่วงที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของ Apple จะไม่ได้รับดีไซน์หรือนวัตกรรมใหม่ๆมากนักแต่มันกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งทำให้เรามานั่งวิเคราะห์ดูแล้วจนออกมาเป็นปรัชญาการออกแบบของ Apple อย่าง สมบูรณ์แบบ เชื่อมั่น กำไร
By
ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่หลายๆคนในตอนนี้จะบอกว่า Apple ไม่มีนวัตกรรมและดีไซน์ใหม่ๆออกมาแล้วเพราะเอาเข้าจริงๆก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ Apple ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่มาพร้อมกับนวัตกรรมหรือดีไซน์ใหม่ที่ทำให้เรารู้สึก ‘ว้าว’ ได้ แม้ iPhone 13 ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปที่ซึ่งถ้าเอาจริงๆมันก็มีพื้นฐานมาจาก iPhone X ที่เปิดตัวในปี 2017 เลยด้วยซ้ำ
หลายๆคนในปัจจุบันยังมองว่า Samsung, Microsoft และบริษัทอื่นๆดูจะมีนวัตกรรมและการดีไซน์ใหม่ๆที่ดูดีกว่า Apple เสียอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง Apple Watch Series 7 ที่หลายๆคนคิดว่ามันจะได้รับดีไซน์ใหม่แบบเหลี่ยมตามข่าวที่หลุดออกมาแต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่การขยายหน้าจอและใช้ดีไซน์เดิมตั้งแต่รุ่นแรกเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้ในช่วงที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของ Apple จะไม่ได้รับดีไซน์หรือนวัตกรรมใหม่ๆมากนักแต่มันกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งทำให้เรามานั่งวิเคราะห์ดูแล้วว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น จนออกมาเป็นปรัชญาการออกแบบของ Apple อย่าง สมบูรณ์แบบ เชื่อมั่น กำไร
สมบูรณ์แบบ
หากพูดถึงเรื่องความสมบูรณ์แบบคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Face ID ที่เรียกได้ว่าล้ำหน้าเกินคู่แข่งไปพอสมควร โดยเอาจริงๆแล้ว Apple ไม่ได้เป็นเจ้าแรกที่เป็นคนทำระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าขึ้นมาเพียงแค่เป็นคนที่ทำออกมาได้ดีที่สุด

Samsung Galaxy Nexus เปิดตัวในครั้งแรกในปี 2011 ที่ตอนนั้นมันถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆที่มาพร้อมกับระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าแต่ในขณะนั้นมันใช้เพียงแค่กล้องหน้าเท่านั้นทำให้ถูกหลอกได้ง่ายๆด้วยรูปภาพและไม่สามารถใช้งานในที่มืดได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าระบบสแกนใบหน้าในสมัยนั้นจะยังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นักแต่แบรนด์โทรศัพท์หลายๆแบรนด์ในตอนนั้นกลับเลือกที่จะใส่ฟีเจอร์ดังกล่าวตามๆกันมาเพราะไม่ต้องการให้สมาร์ทโฟนของตัวเองตกเทรนด์
ซึ่งแน่นอน Apple เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้นและยังคงตั้งหน้าตั้งตาพัฒนา Face ID ต่อไปให้มันสมบูรณ์แบบที่สุดและเปิดตัวมันครั้งแรกพร้อมกับ iPhone X ในปี 2017 ซึ่งมันก็กลายเป็นระบบสแกนใบหน้าที่ดีที่สุดไปในทันทีเพราะมันไม่สามารถหลอกได้เนื่องจากใช้ระบบ 3D ในการตรวจสอบ รวมถึงยังใช้ในที่มืดได้อีกด้วย
ในปัจจุบันหลายๆบริษัทกำลังพัฒนาสมาร์ทโฟนแบบพับได้กันอยู่ โดยผู้นำในตลาดตอนนี้คือ Samsung ที่ขนสมาร์ทโฟนอย่าง Galaxy Z Fold และ Galaxy Z Filp มาสู่ท้องตลาด และ Micorsoft ที่มี Suface Duo ที่แม้จะไม่ใช่สมาร์ทโฟนจอพับเหมือนอย่าง Samsung แต่มันก็ทำได้น่าสนใจเลยทีเดียว
สำหรับ Apple นั้นเราคาดว่าในตอนนี้แผนก R&D คงกำลังพัฒนา iPhone แบบพับเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบที่สุดกันอยู่แน่ๆ และหากวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ เชื่อได้เลยว่า Apple จะเป็นคนครองตลาดสมาร์ทโฟนแบบพับได้แน่นอน

เชื่อมั่น
ในเรื่องของความเชื่อมั่นนั้นตัวอย่างที่ดีที่สุดคงจะเป็น iPhone SE ที่แม้จะเปิดตัวในปี 2020 แต่มันยังคงใช้ดีไซน์แบบเก่าที่มีพื้นฐานมาจาก iPhone 6 อยู่
จริงอยู่ที่หลายๆคนอาจจะมองว่า iPhone SE เป็นรุ่นราคาถูกทำให้ Apple ไม่จำเป็นต้องใช้ดีไซน์ใหม่มากนัก แต่ถ้าหากมองกันจริงๆแล้วทางเรากลับมองว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะ iPhone SE จะขายได้ยังไงท่ามกลางสงครามสมาร์ทโฟนในช่วงราคาเดียวกับ iPhone SE ที่มีทั้งฟีเจอร์ใหม่ๆและดีไซน์ที่ดูทันสมัยกว่ามากมาย

โดยทางเราเชื่อว่าการที่ Apple เลือกที่จะใช้ดีไซน์เดิมอยู่เพราะ Apple เชื่อมั่นว่ามันดีพอแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้ เพราะคนที่ซื้อสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้อาจจะไม่ได้สนใจฟีเจอร์หรือการดีไซน์ที่หรูหรามากนัก ขอแค่เพียงว่ามันตอบโจทย์ต่อชีวิตประจำวันก็พอ
รวมถึงดีไซน์เก่านี้ยังเคยเป็นดีไซน์ของ iPhone รุ่นไฮเอนด์ที่ขายดีมาก่อนด้วย ทำให้ Apple เชื่อมั่นว่ามันดีพอที่จะนำมาใส่ไว้ใน iPhone ระดับกลาง
ไม่แน่ว่าในอนาคตเมื่อ iPhone จอพับได้ออกมาแล้ว, Apple อาจจะนำดีไซน์สมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ในปัจจุับนอย่าง iPhone 13 มาเป็นดีไซน์ของ iPhone SE แทนก็ได้
กำไร
เมื่อพูดถึงกำไรแล้วคงอาจจะไม่ต้องพูดอะไรกันมากเพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้อยู่แล้วว่า Apple ทำเงินได้มหาศาลขนาดไหนต่อปี โดยเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้จากสิ่งที่เรากล่าวมาคือ ความสมบูรณ์แบบและความเชื่อมั่นของ Apple
โดยหาก Apple เชื่อมั่นว่าสิ่งไหนจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของโลกเราแล้วละก็ พวกเขาก็พร้อมที่จะทุ่มพัฒนาสิ่งๆนั้นไปให้สุดก่อนที่จะเปิดตัวมันออกมาเหมือนอย่างที่ทำกับ Face ID แล้วให้ผู้ใช้งานเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะยอมจ่ายเงินให้กับ Apple หรือไม่
ซึ่งเมื่อดูจากการที่ในปัจจุบัน Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปรัชญา ความสมบูรณ์แบบ เชื่อมั่น และกำไร ของ Apple นั้นมันได้ผลขนาดไหน

