Apple Pippin เครื่องเกมคอนโซลเครื่องแรกของ Apple ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า

ก่อนหน้านี้มีรายงานเผยออกมาว่า Apple อาจกำลังพัฒนาเครื่องเกมคอนโซลลูกผสมที่มีความคล้ายคลึงกับ Nintendo Switch ของตัวเองอยู่

แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ Apple เคยได้ไปจับมือกับ Bandai ในการผลิตเครื่องเกมคอนโซลของตัวเองที่มีชื่อว่า Apple Pippin มาก่อนแล้ว และมันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าจนต้องพับโครงการไปในที่สุด

โดยเจ้า Apple Pippin มันเป็นยังไงและทำไมมันถึงล้มเหลวจนต้องพับโครงการไป ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

ต้นกำเนิด

เริ่มต้นในปี 1993, Bandai ต้องการพัฒนาเครื่องเกมแบบที่ใช้แผ่น CD-Rom ซึ่งประธานและ CEO ของ Bandai ในขณะนั้นอย่างคุณ Makoto Yamashina ก็มีความสนใจที่จะนำแพลตฟอร์ม Macintosh มาใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาเครื่องเกมนี้

ในปี 1994 Bandai จึงได้ทำการติดต่อ Apple พร้อมกับเผยให้เห็นถึงแนวคิดของเกมคอนโซลแบบใหม่ที่พัฒนาโดยใช้พื้นฐานจาก Macintosh Classic II ที่ใช้ชิป Motorola 68030 และทำงานด้วยซอฟต์แวร์ระบบ Macintosh

โดย Apple จะเป็นคนออกแบบโลจิกบอร์ด ส่วน Bandai จะเป็นคนจัดหาเคสและกล่องบรรจุเอง, ซึ่งนี่ถือว่าเป็นรูปแบบในการสร้างเครื่องเกมที่เร็วที่สุดในตลาดขณะนั้นแล้ว รวมถึงยังคงให้ผลตอบแทนในการลงทุนที่สมเหตุสมผลสำหรับทั้ง 2 บริษัทด้วย

และในปี 1995, Apple Pippin เครื่องเกมคอนโซลจากความร่วมมือของ Apple และ Bandai ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น แต่เริ่มวางจำหน่ายจริงในช่วงเดือนมีนาคมปี 1996 ในญี่ปุ่น และเดือนมิถุนายนปี 1996 ในสหรัฐฯ

ดีไซน์

Apple Pippin มีดีไซน์ขนาดเล็กกระทัดรัด, มีช่องใส่แผ่นเกมที่ใช้ CD-ROM และช่องเสียบจอยคอนโทรลเลอร์อยู่ด้านหน้า 2 ช่อง โดยมันใช้สีขาวเป็นสีหนัก

รวมถึงมันยังมาพร้อกับจอยคอนโทรลเลอร์ที่มีชื่อว่า Apple Jack ซึ่งมันมีรูปร่างโค้งมนเหมือนบูมเมอแรงและมีปุ่มกดตามมาตรฐานของตัวคอนโทรลเลอร์ในสมัยนั้น

แต่สิ่งที่แตกต่างไปสำหรับคอนโทรลเลอร์อย่าง Apple Jack ก็คือมันมาพร้อมกับ Trackball ตรงกลางที่ทำหน้าที่เหมือนเม้าส์ในหน้าเมนู เนื่องจากว่า Apple Pippin มีพื้นฐานมาจาก Macintosh นั่นเอง

นอกจากนี้ Apple Pippin ยังรองรับการเชื่อมต่อเม้าส์และคีย์บอร์ดที่ถือว่าเห็นไม่ได้ในเครื่องเกมอื่นๆของคู่แข่งอีกด้วย

เป็นมากกว่าเครื่องเล่นเกม

ถึงแม้ Apple Pippin จะเป็นเครื่องเล่นเกมคอนโซลสำหรับเล่นเกม แต่มันก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านการศึกษาแล้วมีโมเด็มไว้สำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอีกด้วย

นอกจากนี้ Apple Pipin ยังมีข้อดีมากกว่าคอนโซลอื่นๆด้วยก็คือมันไม่มีการล็อคโซน นั่นหมายความว่าไม่ว่าเราจะซื้อเครื่องจากที่ไหน เราก็สามารถที่จะซื้อแผ่นเกมมาเล่นได้หมดโดยไม่ต้องกังวลว่าแผ่นเกมนั้นเป็นของโซนอะไร

ราคา

Apple Pipin วางขายในราคา $620 (~19,400 บาท) ในญี่ปุ่นและ $599 (~18,700 บาท) สำหรับตลาดทั่วโลก ซึ่งถือว่ามันแพงมาในสมัยนั้น

รวมถึงในขณะนั้นก็มีคู่แข่งมากมายในตลาดเช่น Super Nintendo, Sega Saturn และก็การมาของ Playstation ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้นั้นมันมีราคาที่ถูกกว่า Apple Pippin แบบครึ่งๆเลยทีเดียว จึงทำให้ Apple Pippin แทบจะไม่มีที่ยืนในตลาดเลย

ความล้มเหลว

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็ดูเหมือนว่า Apple Pippin จะเป็นเครื่องเกมที่ดูดีเครื่องหนึ่งแต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นแบบนั้น

โดยถึงแม้ว่าเจ้า Apple Pippin จะไม่ได้ทำได้เพียงแค่เล่นเกมแต่มีฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ก็จริง แต่นั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้มันมีราคาแพงขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ผู้คนในสมัยนั้นต้องการซื้อเครื่องเกมเพื่อมาเล่นเกม แต่ Apple Pippin กลับมีเกมเพียงแค่ 25 กว่าเกมเท่านั้น และเกมส่วนใหญ่ก็เป็นของทาง Bandai เสียเองด้วย รวมถึงเกมชูโรงของ Apple Pippin อย่างเกม Power Rangers Zeo ที่ถึงแม้มันจะเป็นเกมชูโรงของเครื่องแต่มันก็ยังเป็นเกมที่แย่อยู่ดี

เท่านั้นยังไม่พอ Apple Pippin ยังมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด โดยมันมีอัตราเฟรมที่แย่, การควบคุมที่ทำได้ไม่ดี และยังมีบัคในการแสดงผลเกมต่างๆมากมาย เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

และถึงแม้ว่า Apple Pippin จะมาพร้อมกับฟีเจอร์อย่างการมีตัวเลือกในการปรับกราฟฟิกเพื่อให้ผู้เล่นเลือกได้ว่าอยากเล่นเกมแบบลื่นไหลหรือแบบที่มีกราฟฟิกสวยงานแต่ผลของมันก็คือไม่ว่าจะเลือกปรับไปทางไหนมันก็ดูแย่อยู่ดี

ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้เองจึงทำให้ Apple Pippin มียอดขายแค่เพียง 42,000 เครื่องเท่านั้น จากที่ทั้ง Apple และ Bandai ตั้งเป้าไว้ที่ 300,000 เลยทีเดียว

จุดจบของ Apple Pippin

ในปี 1997 ซึ่งเป็นปีที่ Apple ได้เข้าซื้อบริษัท NeXT Computer และได้ Steve Jobs กลับเข้ามาบริหาร Apple อีกครั้ง ซึ่งการกลับมาของ Steve Jobs นั้นก็เหมือนเป็นจุดจบของเจ้าคอนโซลตัวนี้ไปในทันที

โดย Jobs สั่งยุติการผลิตเครื่อง Apple Pippin และส่งให้บริษัท Bandai เป็นคนดูแลและพัฒนาต่อเองทั้งหมด นั่นจึงทำให้ Apple Pippin ได้ถูกปิดตำนานลงและมันมีระยการวางจำหน่ายเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น

และนี่คืออดีตเครื่องเกมคอนโซลที่ Apple เคยรังสรรค์มันขึ้นมา โดยถึงแม้ว่าในปัจจุบัน Apple จะยังไม่มีเครื่องคอนโซลเป็นของตัวเอง แต่ทั้ง iPhone, iPad และ Apple TV ก็มีเกมมากมายบน App Store ให้เราได้เลือกเล่นกัน

รวมถึงยังมี Apple Arcard ที่เป็นบริการแบบสมัครสมาชิกรายเดือนที่มีเกมคุณภาพสูงให้เลือกเล่นได้โดยไม่มีการเติมเงินเพิ่มเติมหรือโฆษณามารบกวน

สุดท้ายนี้ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า Apple จะเปิดตัวเครื่องเกมคอนโซลของตัวเองตามข่าวลือหรือไม่ และมันจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

อ้างอิง – Wikipedia, Businessinsider