Apple
ข้อมูลสำคัญที่ถูกเผยให้เราได้รู้จากเอกสารการฟ้องร้องคดีระหว่าง Epic Games กับ Apple
ในวันนี้เราจะมาไฮไลท์ข้อมูลสำคัญต่างๆที่ถูกนำเสนอจากเอกสารประกอบการพิจารณาคดีระหว่าง Epic Games กับ Apple ว่าจะมีอะไรที่สำคัญบ้าง
By
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Epic Games ได้ทำการฟ้องร้อง Apple ในเรื่องของการผูกขาดแอปบน iOS ที่ทุกแอปจำเป็นจะต้องดาวน์โหลดผ่าน App Store และหากมีการใช้จ่ายเงินก็จำเป็นจะต้องทำผ่านระบบของ App Store เพื่อที่ Apple จะได้กินส่วนแบ่ง 30% ด้วย
โดยถึงแม้การพิจารณาคดีจะจบไปแล้วเหลือเพียงแค่คำตัดสินจากผู้พิพากษาว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ระหว่างการพิจารณาคดีก็มีเอกสารภายในต่างๆถูกนำเสนอออกมาเพื่อใช้ในการพิจารณาคดีมากมาย โดยในวันนี้เราจะมาไฮไลท์ข้อมูลสำคัญต่างๆที่ไม่เคยเผยที่ไหนมาก่อนกัน
Netflix เคยได้ข้อเสนอพิเศษจาก Apple
Tim Cook เคยกล่าวเอาไว้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า “Apple ปฏิบัติกับนักพัฒนาทุกคนอย่างเท่าเทียบกัน” แต่อย่างไรก็ตามจากเอกสารที่ถูกนำมาเปิดเผยระหว่างการพิจารณาคดีดูจะไม่เป็นแบบนั้น
โดยปกติแล้ว Apple จะเก็บค่าธรรมเนียม 30% จากการสมัครบริการและเหลือ 15% หากผู้ใช้งานสมัครใช้บริการแบบนั้นๆเกินหนึ่งปี
แต่ในเอกสารนี้เผยให้เห็นว่า Apple ต้องการให้ Netflix ต่อสัญญาข้อตกลงที่ว่า Apple จะลดค่าธรรมเนียมให้เหลือ 15% แม้จะเป็นการสมัครสมาชิกใหม่ก็ตาม ซึ่งนั่นหมายความว่า Apple ให้สิทธิพิเศษนี้กับ Netflix ก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม Netflix ก็ไม่ได้สนใจที่จะต่อดีลนี้และสุดท้ายก็ยกเลิกให้ผู้ใช้งานสามารถสมัครบริการ Netflix ผ่านแอปได้อีกเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
Apple เคยคิดที่จะลดค่าธรรมเนียมบน App Store
ในปี 2011, Phil Schiller ที่ทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาดในสมัยนั้นเคยเสนอว่าหาก App Store ทำกำไรได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว Apple ก็ควรที่จะพิจารณาปรับค่าธรรมเนียมลง
โดย Schiller เสนอว่าควรพิจารณาที่จะปรับลงจาก 70/30 เป็น 75/25 หรือ 80/20 ซึ่งแน่นอนสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
เอกสารฉบับเต็ม: 1
Apple เคยพิจารณาที่จะอนุญาตให้ Sideload แอปได้
ในปี 2008 หลังจากที่ Apple ประกาศเปิดตัว App Store บน iPhone, Scott Forstall รองประธานอาวุโสด้าน iOS ได้อีเมลไปถาม Steve Jobs ว่าต้องการประโยคไหนในการแจ้งเตือนผู้ใช้หากผู้ใช้กำลังจะใช้งานแอปที่ไม่ได้มาจาก App Store อย่าง
- “The application ‘Monkey Ball’ from the developer ‘Sega’ did not come from the App Store. Do you want to open it?”
- “Are you sure you want to open the application ‘Monkey Ball’ from the developer ‘Sega’?”
ซึ่ง Jobs เลือกแบบที่ 2 เพราะมันเรียบง่ายกว่า
อย่างไรก็ตามในเดือนพฤศจิกายนปี 2009, Phil Schiller ได้อีเมลหา Jobs ว่าสุดท้ายแล้ว Apple จะสร้างกฎเพื่อมาเป็นไกด์ไลน์บน App Store หรือจะอนุญาตให้ผู้ใช้งาน Sideload แอปได้
ซึ่งแน่นอนถึงแม้จะไม่มีคำตอบในอีเมลฉบับนั้นว่า Jobs เลือกอะไร แต่วันนี้เราก็ได้รู้แล้วว่า Apple ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปจากที่อื่นได้
Apple เผยมีแผนที่จะพัฒนา ‘iPhone nano’
ในปี 2010, Steve Jobs ได้อีเมลไปหาพนักงานระดับสูงของ Apple หลายๆคนในเรื่องต่างๆรวมถึงแผนของ 2011 ด้วย โดยในแผนนี้มีการกล่าวถึง iPhone 4 รุ่น ‘Plus’ ที่เป็นการปรับปรุงชิป กล้อง และเสาสัญญาณใหม่ ที่สุดท้ายแล้วก็ออกมาเป็น iPhone 4s
และในอีเมลนี้ยังมีการกล่าวถึง iPhone nano ที่เป้าหมายหลักคือราคาถูกลงอีกด้วย
เอกสารฉบับเต็ม: 1
ขังผู้ใช้งานให้อยู่ใน Ecosystem
ในปี 2010, อีเมลฉบับเดียวกับที่มีการเผยถึง iPhone nano ก็ได้มีการพูดถึงแผนในปี 2011 อีกอย่างคือ ‘Year of the Cloud’ ที่ซึ่ง Steve Jobs ต้องการให้ไฟล์และข้อมูลของผู้ใช้ผูกไว้กับ Cloud ให้ได้มากที่สุด ลูกค้าจะได้ถูกล็อกไว้ใน Ecosystem ของ Apple
โดยในปี 2011, Apple ก็ได้ทำการบริการ Cloud ของตัวเองในชื่อ iCloud
เอกสารฉบับเต็ม: 1
2016 เป็นปีแรกที่ App Store ทำรายได้มากกว่า iPad และ Mac
การที่ Apple เลือกที่จะให้ทุกๆคนต้องโหลดแอปผ่าน App Store และหากผู้ใช้งานมีการซื้อหรือสมัครบริการแอปต่างๆ Apple ก็จะได้รับส่วนแบ่ง 30% ในทุกๆการใช้จ่ายด้วย
ซึ่งแน่นอนการที่ Apple เลือกแบบนี้จึงทำให้ในปี 2016 App Store สามารถทำรายได้ที่สูงกว่าทั้ง iPad และ Mac
เอกสารฉบับเต็ม: 1
ไม่โปรโมทแอป Shazam
ในปี 2012, Shazam แอปสำหรับค้นหาชื่อเพลงได้ทำการเปิดตัวแอป Shazam Player ที่มีเป้าหมายเพื่อมาแทนที่แอป Music Player ของ Apple บน iPhone
อย่างไรก็ตาม Eddy Cue ได้เผยผ่านอีเมลว่า Apple จะไม่โปรโมทแอปใดๆที่หวังจะมาแทนที่แอป Music Player บน iPhone ทั้งนั้นนอกเสียจากมันจะมีกว่าของเราอย่างเห็นได้ชัดและแน่นอนว่า Shazam Player ไม่เป็นแบบนั้น
เอกสารฉบับเต็ม: 1
Apple เคยปฏิเสธแอป Google Search
Apple เคยปฏิเสธแอป Google Search โดยให้เหตุผลว่าตัวแอปต้องมีตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกว่าต้องการที่จะใช้แอปแผนที่อะไร ไม่ใช่บังคับให้ใช้แต่ของตัวเอง
เอกสารฉบับเต็ม: 1
เคยคิดที่จะทำ iMessage ลง Android
Eddy Cue เคยมีความคิดว่าอยากจะทำ iMessage ลง Android เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ Google อาจเข้าซื้อ WhatsApp ได้
อย่างไรก็ตามผู้บริหารคนอื่นๆกลับไม่เห็นด้วย โดย Phill Schiller เผยว่า iMessage ไม่เคยทำเงินอยู่แล้ว แล้วเราจะทำลง Android ทำไม
ส่วน Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายซอฟแวร์ในปัจจุบันเผยว่าหาก iMessage ลง Android หลายๆครอบครัวก็อาจจะซื้อ Android ให้ลูกๆพวกเขาแทน
และสุดท้าย Phill Schiller ได้ส่งอีเมลไปหา Tim Cook ว่า iMessage บน Android จะทำร้ายเรามากกว่าให้ประโยชน์แก่เรา
Apple โกงผลค้นหาบน App Store
ในระกว่างการพิจารณาคดี, Tim Sweeney ถามว่าเมื่อเราค้นหาแอป Dropbox บน App Store ทำไมแอป Files ของ Apple กลับอยู่เป็นอันดับแรกในการค้นหา
โดยแม้ Apple จะออกมาบอกว่ามันเป็นข้อผิดพลาดแต่ก็ถือว่าแปลกพอสมควรเพราะมันเป็นแบบนี้มาถึง 11 เดือน
เอกสารฉบับเต็ม: 1
Tim Cook ต้องการให้มีเกมบน Mac App Store
Phil Schiller อีเมลหา Tim Cook ว่าเหตุผลที่ Mac App Store ไม่เติบโตมากนักเป็นเพราะมันขาดเกมระดับ AAA โดย Schiller ยังเผยอีกว่า Apple พยายามแล้วแต่ก็ล้มเหลว
โดยเขายกตัวอย่างว่า Mac App Store มีทั้ง BioShock Infinite, Tomb Raider, Call of Duty หรือ Assassin’s Creed เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเรามองว่า Phill Schiller อาจจะมองผิดไปในเรื่องนี้เพราะถึงแม้จะมีเกมดังๆเหล่านี้แต่มันลงให้กับ Mac App Store ช้ามาก
โดย BioShock ลงให้กับ Mac 5 เดือนหลังเปิดตัว, Tomb Raider ลงให้ในปี 2014 ซึ่งเป็นเกือบหนึ่งปีที่เกมเปิดตัวไปแล้ว และอีกหลายๆเกมที่มักจะลงให้กับ Mac ช้ากว่าแพลตฟอร์มอื่นเสมอ
Apple ต้องการให้ Fortnite เป็น Timed exclusive
Apple ต้องการให้เกม Fortnite เป็น Timed exclusive ให้กับ iPhone และ iPad โดย Tim Sweeney CEO ของ Epic Games เผยเงื่อนไขเดียวคือการอัปเดตของ Fortnite จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงในการอนุมัติ
อย่างไรก็ตาม Apple ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้จึงปฏิเสธไป แต่สุดท้าย Fortnite ยังเกมแบบ Timed exclusive บน iPhone และ iPad เป็นเวลากว่า 4 เดือนอยู่ดี
เอกสารฉบับเต็ม: 1
Apple ไม่มีระบบตรวจสอบแอปที่ดีพอ
ปี 2012, Phill Schiller เขียนอีเมลด้วยความสงสัยอย่างมากว่าทำไมแอปที่ก็อปแอปเกมอย่าง Temple Run ที่ได้คะแนนรีวิวเพียงแค่ 1 ดาวถึงกลายเป็นแอปที่อยู่อันดับหนึ่งในหมวดหมู่แอปฟรีไปได้ โดยเขาปิดท้ายอีเมลว่า ‘นี่มันบ้ามาก!!!!’ (This is insane!!!)
นอกจากนี้ในปี 2013 ยังมีการเผยอีกว่า App Store ปล่อยให้แอป Scam จากจีนหลุดรอดเข้าไปใน App Store ได้ รวมถึงมันมีคะแนนถึง 5 ดาวจากผู้ใช้งานอีกด้วย
และในปี 2020 ก็เป็นอีกครั้งที่ Phill Schiller เดือดดาลเพราะมีแอปที่เกี่ยวข้องกับการยิงผู้ประท้วงหลุดรอดเข้าไปถึง 2 แอปบน App Store โดยอีเมลฉบับนั้น Schiller เขียนสั้นๆเพียงแค่ WTF? เท่านั้นเลย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ Apple ก็ได้จัดตั้งทีมตรวจสอบแอปบน App Store อย่างละเอียดแล้ว
และนี้คือข้อมูลที่เราคิดว่าสำคัญที่เราอยากให้ผู้อ่านทุกคนได้รู้จากเอกสารทั้งหมดที่ถูกเปิดเผยออกมาในระหว่างการพิจารณาคดีระหว่าง Epic Games กับ Apple ซึ่งมันมีทั้งเรื่องที่ดี ไม่ดี และเรื่องที่เราไม่รู้มาก่อนเลยเกี่ยวกับ Apple
โดยสำหรับใครที่ต้องการรู้รายละเอียดทั้งหมดก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติ่มได้ ที่นี่