iPad
เปรียบเทียบ iPad Pro (2021), iPad Air 4 และซีรี่ส์ Samsung Galaxy Tab S8 รุ่นไหนจะเหมาะกับใคร?
ในวันนี้เราจึงจะมาเปรียบเทียบให้ดูกันว่าระหว่าง iPad Pro (2021), iPad Air 4 และซีรี่ส์ Galaxy Tab S8 ว่ารุ่นไหนจะเหมาะกับใครมากกว่ากัน
By
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า iPad นั้นครองตลาดแท็บเล็ตมาอย่างยาวนานและจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครโค่นลงได้แต่ล่าสุดจากการเปิดตัวของซีรี่ส์ Galaxy Tab S8 ที่มีทั้ง Galaxy Tab S8, S8+ และ S8 Ultra อาจจะทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป
ในวันนี้เราจึงจะมาเปรียบเทียบให้ดูกันว่าระหว่าง iPad Pro (2021), iPad Air 4 และซีรี่ส์ Galaxy Tab S8 ว่ารุ่นไหนจะเหมาะกับใครมากกว่ากัน
เปรียบเทียบสเปคซีรี่ส์ iPad Pro (2021), iPad Air 4 และซีรี่ส์ Galaxy Tab S8
iPad Pro (2021) | iPad Air 4 | Galaxy Tab S8 | Galaxy Tab S8+ | Galaxy Tab S8 Ultra | |
ขนาดหน้าจอ | 11 และ 12.9 นิ้ว | 10.9 นิ้ว | 11 นิ้ว | 12.4 นิ้ว | 14.6 นิ้ว |
จอแสดงผล | Liquid Retina XDR mini-LED (เฉพาะขนาด 12.9 นิ้ว) | Liquid Retina Display (LCD) | LCD | sAMOLED | |
ความละเอียด | 2388 x 1668 และ 2732 x 2048 | 2360 x 1640 | 2560 x 1600 | 2800 x 1752 | 2960 x 1848 |
ชิปประมวลผล | M1 | A14 | Snapdragon 8 Gen 1 | ||
กล้องหลัง | 2 ตัว พร้อมแฟลช True tone • Wide: 12MP, f/1.8 • Ultra-Wide: 10MP, f/2.4 มุมกว้าง 125 องศา | Wide: 12MP, f/1.8 | 2 ตัว • Wide: 13MP • Ultra-Wide: 6MP | ||
กล้องหน้า | Ultra-Wide: 12MP, f/2.2 มุมกว้าง 122 องศา | Wide: 7MP, f/2.2 | Ultra-Wide: 12MP | 2 ตัว • Wide: 12MP • Ultra-Wide: 12MP | |
RAM | 8/16GB | 4GB | 8GB | ||
ความจุ | 128GB 256GB 512GB 1TB 2TB | 64GB / 256GB | 128GB รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB | ||
ปากกา | Apple Pencil รุ่นที่ 2 (ซื้อแยก) | S Pen (แถมมาด้วย) | |||
ลำโพง | 4 ตัว | 2 ตัว | 4 ตัว | ||
ยืนยันตัวตน | Face ID | Touch ID บนปุ่ม Power | สแกนนิ้วข้างเครื่อง | สแกนนิ้วใต้จอ | |
พอร์ต | USB-C | ||||
การเชื่อมต่อ | 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0 | 4G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0 | 5G, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2 | ||
ช่องเสียบหูฟัง | ไม่มี | ||||
ขนาดตัวเครื่อง (มม.) | 247.2 x 178.5 x 5.9 และ 280.6 x 214.9 x 6.4 | 246.7 x 178.5 x 6.1 | 165.3 x 253.8 x 6.3 | 185 x 285 x 5.7 | 208.6 x 326.4 x 5.5 |
น้ำหนัก | 466 - 684 กรัม | Wi-Fi: 458 กรัม Wi‑Fi + Cellular: 460 กรัม | Wi-Fi: 503 กรัม Wi‑Fi + Cellular: 507 กรัม | Wi-Fi: 567 กรัม Wi‑Fi + Cellular: 572 กรัม | Wi-Fi: 726 กรัม Wi‑Fi + Cellular: 728 กรัม |
ความจุแบตเตอรี่ | 7538 mAh และ 10758 mAh | 7606 mAh | 8000 mAh | 10,090 mAh | 11,200 mAh |
ราคาเริ่มต้น | 19,900 บาท | 27,900 บาท | 23,900 บาท | 31,900 บาท | 38,900 บาท |
จอแสดงผล
ในส่วนของจอแสดงผลนั้นทาง Galaxy Tab S8+ และ S8 Ultra ดูจะได้เปรียบกว่ารุ่นที่กล่าวมาทั้งหมดตรงที่มันมาพร้อมกับจอ sAMOLED ที่การันตีเรื่องสีสันคมชัดอย่างแน่นอน โดยหากใครที่ต้องการแท็บเล็ตมาทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสีหรือชอบเสพคอนเทนต์ HDR ทั้ง 2 รุ่นก็ดูเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม iPad Pro ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นักเพราะในรุ่น 12.9 นิ้วมาพร้อมกับจอ mini-LED ที่แม้จะไม่สามารถแสดงสีสันที่ดำสนิทได้เหมือนจอ sAMOLED ในทุกจุดแต่ข้อดีของมันคือจะไม่มีอาการจอเบิร์นเมื่อใช้ไปนานๆเหมือนจอ OLED แน่
ในส่วนของ iPad Air 5 และ Galaxy Tab S8 นั้นมาพร้อมกับจอ LCD ซึ่งแม้มันจะไม่ได้รับจอเทพๆเหมือนกับรุ่นพี่ด้านบนแต่ทาง Apple และ Samsung ก็ปรับแต่งมันมาให้สามารถแสดงผลสีได้ดีที่สุดเท่าที่จอ LCD จะทำได้แล้ว
สำหรับขนาดนั้น Galaxy Tab S8 Ultra จะมาพร้อมกับขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่ 14.6 นิ้ว ซึ่งแม้ทุกอย่างจะจัดเต็มก็จริงแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการพกพาที่ลำบากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆด้วย
ชิปประมวลผล
ในส่วนของประสิทธิภาพของชิปประมวลผลนั้นทาง iPad Pro จะมาพร้อมกับชิป M1 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้บน MacBook Air, iMac 24 นิ้ว, Mac mini และ MacBook Pro รุ่นเริ่มต้นในปัจจุบัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเจ้าแท็บเล็ตตัวนี้มันมีพลังประมวลผลที่แรงเหลือหลายสำหรับแท็บเล็ตทั่วไปแล้วแน่นอน
ส่วนทางซีรี่ส์ Galaxy Tab S8 นั้นมาพร้อมกับชิป Snapdragon 8 gen 1 เหมือนกันทุกรุ่นที่แม้มันจะแรงไม่เท่ากับชิป M1 บน iPad Pro แต่ก็การันตีได้ว่ามันจะสามารถใช้งานแอปหรือเล่นเกมแบบปรับสุดได้อย่างไม่มีสะดุดแน่นอน
ส่วนชิปของ iPad Air 4 นั้นดูจะเก่าที่สุดในนี้เนื่องจากมันมาพร้อมกับชิป A14 Bionic ที่ถูกใช้บนซีรี่ส์ iPhone 12 เป็นครั้งแรกแต่มันก็ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาเพราะจากผลการทดสอบที่ออกมานั้นมันกลับมีคะแนนที่สูสีกับชิป Snapdragon 8 gen 1 บน Galaxy Tab S8 อยู่เลย
แอปพลิเคชัน
ในส่วนของแอปพลิเคชันนั้นเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วสำหรับ iPad เนื่องจากหลายๆแอปนั้นถูกออกแบบมาสำหรับ iPad โดยเฉพาะทำให้การใช้งานบนหน้าจอที่ใหญ่นั้นมีความสะดวกสบายเนื่องจาก UI ถูกออกแบบมาให้ใช้กับหน้าจอขนาดใหญ่แตกจากกับทางซีรี่ส์ Galaxy Tab S8 ที่ใช้งาน Android
โดยบน Android นั้นแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับแท็บเล็ตทำให้หลายๆแอปจะเป็นเพียงแค่แอปมือถือแล้วถูกขยายขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ทำดีไซน์ของแอปและการใช้งานอาจจะไม่ดีนักเมื่อเทียบกับ iPad เพราะตัวแอปถูกออกแบบมาให้ใช้กับมือถือเสียมากกว่า
ซึ่งหากใครที่ซีเรียสเรื่องการใช้งานแอปเราก็ขอแนะนำให้เลือกทาง iPad จะดีกว่า
ปากกา
ทั้ง iPad และ Galaxy Tab S8 ต่างมาพร้อมกับปากกาเพื่อเอาไว้ให้เราใช้รังสรรค์สิ่งต่างๆบนแท็บเล็ต 2 ตัวนี้แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือทาง Galaxy Tab S8 นั้นมาพร้อมกับ S Pen ที่แถมมาให้ในกล่องต่างจากทาง iPad ที่ต้องซื้อ Apple Pencil แยกในราคา 4,490 บาท
ซึ่งนั่นหมายความว่าหากใครที่สนใจ iPad ก็อาจจะต้องเตรียมเงินเผื่อไว้ในการซื้อ Apple Pencil ด้วยเพราะการจ่ายเงินซื้อตัวเครื่องนั้นไม่จบเหมือนกับ Galaxy Tab S8
สรุป
หากใครที่อยู่ใน Ecosystem ของ Apple อยู่แล้วทางเราก็ขอแนะนำให้เลือกเป็น iPad ได้เลยเนื่องจากหากเราซื้อแอปบน App Store เพียงครั้งเดียวก็จะสามารถใช้งานได้ทั้งบน iPhone และ iPad รวมถึงการใช้งานแอปต่างๆยังมีการซิงค์ข้อมูลให้อีกด้วยทำให้มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามหากใครที่ต้องการแท็บเล็ตจอสวยจ่ายเงินตามที่กล่าวไว้แล้วจบทาง Galaxy Tab S8 ก็ดูจะเหมาะสมกว่า